. โปแลนด์เสริมกำลังทหารตามแนวชายแดนเบลารุส หวั่นเหตุปะทะข้ามพรมแดน
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลโปแลนด์ได้เดินหน้าเสริมกำลังทางทหารตามแนวชายแดนด้านตะวันออกที่ติดกับประเทศเบลารุสอย่างเข้มงวด ท่ามกลางความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่การสร้างแนวรั้วเหล็กความสูงหลายเมตรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเคลื่อนย้ายกองกำลังทหาร ตำรวจ และอุปกรณ์สอดแนมจำนวนมากเข้าสู่พื้นที่เปราะบางทางยุทธศาสตร์แห่งนี้อีกด้วย
ปัจจัยหลักที่ผลักดันให้โปแลนด์ต้องยกระดับมาตรการด้านความมั่นคง มาจากความกังวลเรื่องภัยคุกคามรูปแบบใหม่หรือที่เรียกว่า "สงครามลูกผสม" (Hybrid Warfare) ซึ่งรวมถึงการใช้ผู้อพยพเป็นเครื่องมือในการก่อความไม่สงบตามแนวพรมแดน โดยเชื่อว่าเบลารุสซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียอยู่เบื้องหลัง ได้ส่งเสริมการลักลอบข้ามแดนผ่านทางฝั่งตะวันออกเข้าสู่โปแลนด์ ทำให้เกิดเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่รักษาชายแดนกับกลุ่มผู้ลักลอบจำนวนมาก มีรายงานว่าทหารและตำรวจได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง และล่าสุดถึงขั้นมีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตจากการถูกแทงเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ในปี 2024 โปแลนด์เริ่มโครงการ "East Shield" ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโครงการด้านความมั่นคงชายแดนขนาดใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป งบประมาณรวมสูงถึงกว่า 10 พันล้านโซลตี (ราว 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยมีแผนติดตั้งรั้วเหล็กสูงกว่า 5 เมตร ตลอดแนวชายแดนที่มีความยาวกว่า 400 กิโลเมตร พร้อมระบบกล้องวงจรปิด เซนเซอร์อินฟราเรด ระบบต่อต้านโดรน และถนนลาดตระเวนทหาร โครงการนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2028 และจะกลายเป็นแนวป้องกันด่านแรกของ NATO ทางตะวันออก
รัฐบาลโปแลนด์ยังเสริมกำลังเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มจำนวนทหารประจำการในพื้นที่ชายแดนจากเดิม 2,000 นายในช่วงกลางปี 2024 เป็นกว่า 10,000 นายภายในไม่กี่เดือน แบ่งเป็นกำลังปฏิบัติการประจำการประมาณ 4,000 นาย และกำลังสำรองอีกกว่า 6,000 นาย นอกจากนี้ยังมีการส่งตำรวจเพิ่มอีก 500 นายเพื่อสนับสนุนงานลาดตระเวนและความมั่นคงร่วมกับเจ้าหน้าที่ Border Guard
แนวทางของโปแลนด์ได้รับเสียงสนับสนุนจากชาติพันธมิตรในกลุ่ม NATO และ Baltic States อย่างเอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย ซึ่งต่างก็ตระหนักถึงภัยคุกคามร่วมกันจากแนวพรมแดนด้านตะวันออกเช่นกัน ประเทศเหล่านี้ได้ร่วมมือกันในโครงการ "Baltic Defence Line" ซึ่งมีเป้าหมายคล้ายคลึงกับ East Shield ในการสร้างแนวป้องกันที่แข็งแกร่งพร้อมการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองและแผนป้องกันทางยุทธศาสตร์ในระดับภูมิภาค
ถึงแม้โครงการนี้จะได้รับการสนับสนุนจากสาธารณชนจำนวนมากในประเทศโปแลนด์ที่กังวลเรื่องความมั่นคง แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากภาคประชาสังคมและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อผู้อพยพและการใช้มาตรการรุนแรงเกินความจำเป็น โดยเฉพาะการอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธได้ภายใต้สถานการณ์ที่คลุมเครือ ซึ่งอาจละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลโปแลนด์ยืนยันว่ามาตรการทั้งหมดมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันภัยคุกคามต่ออธิปไตยของชาติ และจะเดินหน้าโครงการตามแผนที่วางไว้ พร้อมยื่นข้อเสนอของบประมาณเพิ่มเติมจากสหภาพยุโรป (EU) เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคงดังกล่าว
ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในยุโรปตะวันออก โดยเฉพาะผลพวงจากสงครามในยูเครน และความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตกที่ยังคงตึงเครียด การดำเนินการของโปแลนด์อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับสมดุลด้านความมั่นคงครั้งใหม่ในภูมิภาค ซึ่งไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อภายในประเทศโปแลนด์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงโครงสร้างด้านความมั่นคงของทั้งยุโรปในระยะยาวอีกด้วย
Don't miss a story
Subscribe to our email newsletter:
Don't worry we hate spam as much as you do



